ตลาดหลักทรัพย์ ฯ แถลงภาพรวมตลาดหลักทรัพย์เดือนมี.ค.65 ชี้สงครามรัสเซียและยูเครนกระทบหุ้นไทยค่อนข้างน้อย ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 รวมมูลค่า 131,367 ล้านบาท
วันที่ 5 มีนาคม 2565 นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กล่าวว่า ภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนมี.ค. 65 จากสถานการณ์สงครามรัสเซียกับยูเครนส่งผลให้ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับลดลง
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้นสูงเกินกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาเรลล์ทำให้มีความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมถึงธนาคารทั่วโลกอาจดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น
ส่วนประเด็นเรื่องส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี และ 2 ปีของสหรัฐฯ ที่ติดลบ (Inverted Yield Curve) ทำให้ผู้ลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) มองว่าเป็นเพียงตัวชี้วัดหนึ่งในตลาด ซึ่งเกิดขึ้นในต่างประเทศ ในประเทศไทยยังไม่เกิดแต่คงต้องจับตาดู
ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะในภาคบริการและการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมืองในอนาคต
ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีเม็ดเงิน (ฟันด์โฟลว์) จากนักลงทุนต่างชาติสูงที่สุดเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ผู้โดยนักทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเป็นเดือนที่สี่โดยในเดือนมี.ค. 65 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 32,771 ล้านบาท ทั้งนี้ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวม 131,367 ล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นเดือนมี.ค. 65 SET Index ปิดที่ 1,695.24 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.6% จากเดือนก่อนหน้า ในขณะที่ปรับเพิ่มขึ้น 2.3% จากสิ้นปี 64
นายศรพล กล่าวต่อว่า ในช่วงสงครามมีหลายปัจจัยที่กระทบตลาดหุ้น แต่หุ้นไทยยังมั่นคงซึ่งเห็นได้จากฟันด์โฟลว์ที่ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และหุ้นบางกลุ่มที่ได้แรงหนุนจากการเปิดเมือง ปัจจัยที่หนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามาจากการที่ประเทศไทยได้รับอานิสงค์จากการเปิดประเทศในอนาคต
ขณะที่เงินเฟ้อไทยแม้จะปรับขึ้นแต่ไม่แรงซึ่งในการประชุมคณะกรรมการการเงิน (กนง.) ล่าสุดยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม รวมทั้งฟันด์โฟลว์ที่ไหลออกจากตลาดหุ้นยุโรปและจีนเพื่อนำเงินมาพักจากความเสี่ยงซึ่งตลาดหุ้นไทยก็เป็นหนึ่งในตลาดที่นักลงทุนต่างชาตินำเงินเข้ามาพักซึ่งเป็นจุดเด่นของตลาดหุ้นไทย
“สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาสถัดไป นักลงทุนยังต้องติดตามการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เรื่องของความตึงเครียดรัสเซียกับยูเครนรวมถึงสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศต้องติดตามดูมาตราการจากภาครัฐที่จะควมคุมราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น “ นายศรพลกล่าว
อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance